ระดับความสุกของสเต็ก ให้ความอร่อยต่างกันอย่างไร

ระดับความสุกของสเต็ก ให้ความอร่อยต่างกันอย่างไร กินอะไรดี ร้านอาหารอร่อย เมนูอาหาร

เมนูยอดนิยมของคนทั่วโลกคงหนีไม่พ้นอาหารฝรั่งเศสอย่างสเต็ก ซึ่งหลาย ๆ คนในบ้านเราก็ชอบทานเป็นอย่างมาก แต่รู้หรือไม่ว่า สเต็กที่สั่งได้ทั่วไปตามร้าน เราสามารถเลือกระดับความสุกของสเต็กได้ถึง 6 ระดับ ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันว่าเป็นอย่างไรบ้าง เผื่อใครอยากนำไปทำทานที่บ้านเองจะได้รสชาติตามแบบต้นตำรับ

เคล็ดลับของเชฟ 6 ระดับความสุกของเนื้อสเต็กที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้

                  1. Blue Rare เป็นการนำเนื้อที่อุณหภูมิห้อง ไปนาบกับไฟร้อนจัดเพียงด้านละ 2-3 นาทีเท่านั้น ทำให้ได้รูปลักษณ์ภายนอกออกเป็นสีน้ำตาล เมื่อหั่นแล้วด้านในจะแดงสด ซึ่งระดับนี้คนไทยบ้านเราไม่ค่อยนิยมกันมากนัก

                  2. Rare เนื้ออุณหภูมิห้อง ไปวางนับกับไฟด้านละประมาณ 4 นาที โดยต้องวัดอุณหภูมิให้ได้ความร้อนที่ประมาณ 48.8 องศาเซลเซียส ทำให้มีลักษณะด้านนอกเป็นสีน้ำตาลอมเทา เนื้อด้านในจะเป็นสีแดงอยู่ที่ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ไล่ระดับมาจนถึงขอบเนื้อ โดยเมื่อทานเข้าไปจะมีความเหนียวเล็กน้อย ซึ่งในบ้านเราก็ยังไม่เป็นที่นิยมเช่นกัน

                  3. Medium Rare เป็นระดับความสุกของสเต็กที่คนไทยนิยมมากที่สุด โดยเป็นการนำเนื้อในอุณหภูมิห้อง วางบนไฟร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 54.4 องศาเซลเซียส ด้านละ 5 นาที จะทำให้เนื้อจะมีความสุกจากขอบนอกไล่เข้าไป 50 เปอร์เซ็นต์ ตรงกลางยังคงสีแดงอยู่ แต่ให้รสชาติยิ่งเคี้ยวยิ่งมีความหวาน มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำลิ้น อร่อยลงตัว

                  4. Medium ใช้เนื้อในอุณหภูมิห้อง วางบนไฟร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส ด้านละ 6-7 นาที เนื้อจะมีความสุกเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย โดยเนื้อด้านในจะสีอมชมพูไล่มาจนถึงขอบนอกที่มีสีน้ำตาลเข้ม แต่ยังคงความฉ่ำ มีความเหนียวในขณะที่เคี้ยวเล็กน้อย เหมาะกับการทำเนื้อวากิว A4 มากกว่าการทำสเต็กชิ้นหนา

                  5. Medium Well นำเนื้อวางไว้บนไฟที่อุณหภูมิประมาณ 65.5 องศาเซลเซียส ด้านละ 7-8 นาที ทำให้เนื้อสุกเกือบหมดทั้งชิ้น ตรงกลางยังคงสีชมพูอ่อนแต่ไม่มาก มีความกระด้าง ขาดความชุ่มฉ่ำ ซึ่งเมื่อทานเข้าไปแล้วตรงกลางยังนุ่มอยู่บ้างเล็กน้อย

                  6. Well Done เป็นการย่างแบบใช้ไฟร้อนด้านหนึ่งใช้เวลาประมาณ 9-10 นาที เพื่อให้เนื้อสุก 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นสีน้ำตาลทั้งหมด ในความสุกระดับนี้เชฟหลายคนจะไม่นิยมทำให้ลูกค้าทาน เนื่องจากขาดความฉ่ำ อีกทั้งยังแข็งด้างอีกด้วย

ส่วนต่าง ๆ ของวัว เหมาะกับการทำอาหารประเภทใดบ้าง

              เนื้อส่วนสันคอ จะมีความหนา เหมาะกับการทำอาหารประเภทอบ สตู หรือการนำไปทำเบอร์เกอร์ มีความนุ่มไม่เหนียวเกินไป เนื้อส่วนซี่โครง โดยนำส่วนเนื้อที่ติดกับตัวซี่โครงไปทำเมนูย่าง เผา หรืออบ และส่วนของเนื้อล้วน ๆ หรือ Rib eye เป็นเนื้อติดมันเล็กน้อย ไม่มีซี่โครงติดมาด้วย เป็นส่วนที่นิยมมาทำเป็นสเต็ก ย่าง หรือทอด เนื้อสัน เป็นส่วนที่มีราคาสูง เหมาะกับการนำมาสเต็กแทบทุกส่วน เมื่อนำมาย่างบนไฟโดยใช้ระดับความสุกของสเต็กจะพบว่ามีความนุ่ม อร่อย ในทุกระดับเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเนื้อส่วนสะโพก เนื้อติดกับขา ส่วนท้อง และเนื้อสีข้าง ที่สามารถนำมาทำได้หลากหลายเมนู เช่น ย่าง อบ ผัด สเต็ก สตู และซุป เป็นต้น แต่ไม่อร่อยและมีราคาแพงเท่า เนื้อสัน เท่านั้นเอง

              คงพอจะทราบกันแล้วว่าระดับความสุกของสเต็กกันแล้ว หากใครอยากลองทำทานเองที่บ้าน แนะนำให้เลือกเนื้อสันของวัว ปรุงด้วยเกลือ พริกไทย อาจเพิ่มความหอมด้วยกระเทียม และใบไทม์ โดยนำเนื้อวางไว้ให้ได้อุณหภูมิห้องก่อนสักพัก ก่อนนำลงไปวางบนไฟร้อน ควรเลือกแบบ Medium Rare เพราะเนื้อฉ่ำ นุ่ม หอม อร่อยที่สุด

เครดิตภาพ : thereefdc.com / cookpad.com / trueid.net

YouTube :

เนื้อมีกี่ระดับ สาระเน้นๆ

สอนวิธีการเช็คความสุกของสเต็กเนื้อภายใน 3 นาที

#ระดับความสุกของสเต็ก #สเต็กน่ารู้ #เรื่องสเต็กห้ามพลาด

Sponsor